วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

๗๒. แปลง นิคคหิต เป็น ญ - จบ อาเทสสนธิ)

๔๙. เย สํสฺส[1]
๔๙. เย ในเพราะย โญ ญเป็นอาเทส นิคฺคหีตสฺส ของนิคคหิต สํสสฺส ของสํ อุปสัค โหติ ย่อมมี.

ยมฺหิ ปเร สํ อุปสคฺคสฺส นิคฺคหีตสฺส โญ โหติฯ ยสฺส ปุพฺพรูปตฺตํฯ
ถ้ามียอยู่ข้างหลัง แปลง นิคคหิตของสํอุปสัค เป็น ญ, แปลง ย เป็น ปุพพรูป.

สญฺโญโค สํโยโค, สญฺญุตฺโต สํยุตฺโตฯ สํโยชนํ สํโยชนํ, สญฺญโม สํยโม, สญฺญโต สํยโต, สญฺญมติ สํยมติ, สญฺญาจิกา สํยาจิกา กุฏิํ[2]  อิจฺจาทิฯ
ตัวอย่างเช่น

ปท
ปทจฺเฉท
คำแปลและอธิบายสังเขป
สญฺโญโค
สํ + โยโค
การประกอบ ใช้เป็น สํโยโค ก็มี
สญฺญุตฺโต
สํ + ยุตฺโต
ประกอบแล้ว ใช้เป็น สํยุตฺโต ก็มี
สํโยชนํ [3]
สํ + โยชนํ
สังโยชน์ ใช้เป็น สํโยชนํ ก็มี
สญฺญโม
สํ + ยโม
การสำรวม ใช้เป็น สํยโม ก็มี
สญฺญโต
สํ + ยโต
สำรวมแล้ว ใช้เป็น สํยโต ก็มี
สญฺญมติ
สํ + ยมติ
ย่อมสำรวม ใช้เป็น สํยมติ ก็มี
สญฺญาจิกา กุฏิํ
สํ + ยาจิกา
กุฏีที่ขอด้วยตนเอง ใช้เป็น สํยาจิกา ก็มี


อิติ พินฺทาเทสราสิฯ
อาเทสสนฺธิราสิ นิฏฺฐิโตฯ
จบ กลุ่มศัพท์ที่เกี่ยวกับอาเทสของนิคคหิต
จบ กลุ่มศัพท์ที่เกี่ยวกับการเข้าสนธิโดยการอาเทส



บทความ : ศึกษาบาฬีไวยากรณ์กับคัมภีร์นิรุตติทีปนี
ครั้งที่ ๗๒ พินทาเทสสนธิ “การแปลงนิคคหิต หรือ อักษรที่ใช้แทนนิคคหิต”
คราวที่แล้วเป็นการแปลงนิคคหิตเป็น ญฺ แม้ในคราวนี้ก็ยังคงเป็นการแปลงนิคคหิตเป็น ญฺ เช่นกัน แต่ขอบเขตการใช้ต่างกัน คือ  นิคคหิตนั้น ต้องเป็นของ สํ อุปสัค และจำกัดว่าข้างหลังต้องเป็น ย เท่านั้น ส่วนสูตรที่แล้ว ไม่จำต้องเป็นนิคคหิตของศัพท์ใดแต่ข้างหลังต้องเป็น เอ และ ห อักษรเท่านั้น
ตัวอย่างที่ใช้ในหลักการนี้ คือ สญฺโญชนํ ที่เราท่านมักคุ้นกันว่าเป็นชื่อของกิเลสกลุ่มหนึ่ง ที่กลายรูปมาจาก สํ และ โยชนํ.  การกลายนิคหิตเป็น ญฺ จนได้รูปว่า สญฺโญชนํ นี้ มาจากหลักการของสูตรนี้ครับ

หลักการ : สูตรกำกับวิธีการ
๔๙. เย สํสฺส
ถ้ามี ยอยู่ข้างหลัง แปลงนิคคหิตของสํอุปสัค เป็น ญฺ,

หลักเกณฑ์ : ขอบเขตของสูตรและคำอธิบายโดยสังเขป
การที่จะใช้ ญ เป็นอาเทสของนิคคหิตในที่นี้ มีหลักเกณฑ์อยู่ ๒ ข้อ คือ
๑) ต้องเป็นนิคคหิตของสํอุปสัคเท่านั้น
๒) ต้องมี ย อยู่ข้างหลังเท่านั้น
๓) เมื่อแปลงนิคคหิตเป็น ญฺ แล้ว ยที่อยู่ข้างหลังนั้นให้แปลงเป็น ปุพพรูป คือเป็น ญ นั่นเอง.
๔) การใช้อาเทสคือญฺ เป็นต้น ตามกระบวนการของสูตรนี้ ไม่แน่นอน อาจใช้ในรูปที่ไม่เข้าสนธิก็มี

หลักการใช้ : อุทาหรณ์ของสูตร
สญฺโญชนํ กิเลสชื่อว่า สังโยชน์ เพราะเป็นกิเลสที่ร้อยรัดสัดว์ไว้กับสังสารวัฏฏ์
สญฺโญชนํ ตัดบทเป็น สํ + โยชนํ   
จะเห็นว่า นิคหิตที่ สํ จะกลายเป็น ญฺ เพราะมี ย ที่ โยชนํ เป็นนิมิต. และ ย นั้น ก็จะกลายเป็น ญ ดังที่เรียกในสูตรนี้ว่า ปุพพรูป นั่นเอง.
คำว่า นิมิต คือ ศัพท์ที่จะเป็นเหตุให้เกิดการเข้าสนธิโดยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่ง.
คำว่า ปุพพรูป คือ รูปที่ซ้ำกับอักษรที่อยู่หน้าตน.
อนึ่งไม่จำต้องใช้เป็น สญฺโญชนํ เสมอไป แต่จะใช้เป็น สํโยชนํ เหมือนเดิมก็มี
ในตัวอย่างอื่นๆ ก็มีความเป็นไปดังที่กล่าวมานี้
สญฺโญโค หรือ สํโยโค       สํ + โยโค        การประกอบ
สญฺญุตฺโต หรือ สํยุตฺโต      สํ + ยุตฺโต        ประกอบแล้ว
สญฺญโม หรือ สํยโม         สํ + ยโม         การสำรวม
สญฺญโต หรือ สํยโต         สํ + ยโต          สำรวมแล้ว
สญฺญมติ หรือ สํยมติ        สํ + ยมติ         ย่อมสำรวม
สญฺญาจิกา กุฏิํ หรือ สํยาจิกา        สํ + ยาจิกา      กุฏีที่ขอด้วยตนเอง
การเข้าสนธิของนิคคหิตกับบทอื่น โดยการใช้ ญเป็นอาเทส เป็นกฏเกณฑ์ข้อสุดท้ายในกลุ่มนี้ แต่อย่างไรก็ตาม การเข้าสนธิของนิคคหิตยังมีอีกหลายอย่าง ดังที่ได้เคยกล่าวมาแล้ว คือ การลบ และ ที่จะกล่าวต่อไป คือ เป็นอาคม ได้แก่ การแทรกเสียงนิคคหิตลงในตำแหน่งของบทหน้าและหลังนั่นเองครับ
ต่อจากอาเทสสนธินี้ ท่านจะนำวิธีการคือการใช้อักษรอาคมเป็นเครื่องเชื่อมบทแต่ละบทเข้าหากัน ขออนุโมทนา ในการศึกษาภาษาบาฬีที่มาในคัมภีร์นิรุตติทีปนีครับ

ด้วยความปรารถนาดี
สมภพ สงวนพานิช




[1] [ก. ๓๓; รู. ๕๑; นี. ๑๔๑]
[2] [ปารา. ๓๔๘]
[3] ไม่เข้าใจว่าเหตุไรจึงเป็น สํโยชนํ นี้ ควรเป็น สญฺโญชนํ มากกว่า ในที่นี้คงปาฐะเดิมไว้ก่อน 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น