๑๙. อัปปวิธาน
รูปอุทาหรณ์เล็กน้อยมีใช้ไม่มาก[1]
กลุ่มอุทาหรณ์ที่จะแสดงดังต่อไปนี้
ถึงจะมีที่ใช้น้อยแห่ง แต่ควรสังเกตและใส่ใจจำให้ดี เพราะบ่งถึงความเป็นพหูสูตรของผู้ศึกษา
การแปลงสระเพื่อการเข้าสนธินอกจากกฏเกณฑ์ตามสูตรที่กล่าวมาแล้วนั้น
ยังมีรูปพิเศษบางรูป ที่ใช้ในพระไตรปิฎกและอรรถกถา แต่ไม่มีสูตรให้ทำรูปโดยตรง
เมื่อจะอ้างอิงสูตรทำตัวรูปให้อ้างมหาสูตรว่า “ตทมินาทีนิ”
ในที่นี้แบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยๆ
ดังนี้
๑) แปลง อ
เป็น อุ. เช่น
ปุถ ชโน = ปุถุชฺชโน ปุถุชน ชนผู้แยกจากพระอริยะ
ปุถ ภูโต = ปุถุภูโต ผู้เป็นอีกชนหนึ่ง
[การแปลงเป็น อ ของ ปุถ เป็น อุ
นี้ไม่แน่นอน เพราะ ปุถุ ที่เป็นนามศัพท์ประเภทหนึ่งก็มี
เนื่องจากมีรูปแจกวิภัตติได้ เช่น ปุถุนา ปุถุนิ]
๒). แปลง อ
เป็น โอ เช่น
อเปกฺขิยาน = อเปกฺขิยาโน มองแล้ว
อนุโมทิยาน = อนุโมทิยาโน ยินดีตามแล้ว (อนุโมทนาแล้ว)
มรีจิกูปมํ
อภิสมฺพุทฺธาโน
= มรีจิกูปมํ อภิสมฺพุทฺธาน ตรัสรู้แล้วซึ่งกายนี้อันเปรียบด้วยพยับแดด
[สามรูปนี้ แปลง ตฺวา ปัจจัย เป็น ยาน ดังนั้น คำว่า อเปกฺขิยาน คือ
อเปกฺขิตฺวา, อนุโมทิยาน คือ อนุโมทิตฺวา, อภิสมฺพุทฺธาน คือ อภิสมฺพุทธิตฺวา [2] ด้วยสูตร ๗๖๒.
ตุํยานา แปลง ตฺวา ปัจจัยเป็น ตุํ และ
ยาน ในสมาส ในบางแห่ง. ส่วนรูปว่า อภิสมฺพุทฺธาน น่าจะเป็น
อภิสมฺพุชฺฌิยาน มาจาก อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา แล้วเป็น อภิสมฺพุชฺฌิยาน และ
อภิสมฺพุชฺฌิยาโน ตามลำดับ
แต่กล่าวรูปนี้ว่า อภิสมฺพุทฺธาน เพราะเหตุใด ยังไม่ทราบชัด.]
สรท + สตํ = สรโทสตํ ร้อยปี เช่น
มา มํ ปิสาจา
ขาทนฺตุ,
ชีว ตฺวํ สรโทสตํ, (ภคฺคชาตก ขุ.ชา.๑/๘).
ปีศาจท.จงอย่าเคี้ยวกินข้าพเจ้า,
ขอท่านจงเป็นอยู่ตลอดร้อยปี
รตฺติทิโวว โส
ทิพฺโพ,
มานุสํ สรโทสตํ
คืนวันอันเป็นทิพย์เท่ากับหนึ่งร้อยปีของมนุษย์
[ในสองตัวอย่างนี้ สรทสตํ = สรโทสตํ สรโทสตํ ก็คือ วสฺสสตํ แปลว่า ๑๐๐ ปี
โดยการนับของมนุษย์ คำว่า สรท เป็นศัพท์ที่แสดงความหมายว่า
ปี เหมือน วสฺส สํวจฺฉร หายน และ สม (อภิธาน.
๘๑)]
ทิส + ทิสํ = ทิโสทิสํ ทั่วทุกทิศ เช่น
อนุยนฺติ
ทิโสทิสํ,
ตามไปทั่วทุกทิศ
สมฺปตนฺติ
ทิโสทิสํ,
มีทุกทิศ.
ปร + สตํ = ปโรสตํ เกินร้อย
ปร + สหสฺสํ = ปโรสหสฺสํ เกินพัน
[สองตัวอย่างนี้ ปโร คือ ปร สตํ และ ปร สหสฺสํ เป็น ปโรสตํ และ ปโรสหสฺสํ]
อญฺญ + อญฺญํ = อญฺโญญฺญํ ซึ่งกันและกัน
[กรณีนี้ มีรูปว่า อญฺญมญฺญํ ก็มีใช้ ความหมายเดียวกัน.]
โปน + ปุญฺญํ = โปโนปุญฺญํ ซ้ำอีก
[โปโนปุญฺญํ มีความหมายเท่ากับ ปุนปฺปุนํ แปลว่า บ่อยๆ]
โปน + ภวิกา = โปโนพฺภวิกา เพื่อการเกิดอีก
เช่น
โปโนพฺภวิกา
ตณฺหา ตัณหาที่เป็นไปเพื่อการเกิดอีก[3]
[รูปนี้ ปุน + ภว + ณิก ในอรรถว่า เป็นไปเพื่อสิ่งนั้น (ด้วยสูตร ๔๖๔ ตสฺส
สํวตฺตติ) แปลง อุ ที่ปุน เป็น โอ เป็น โปน ก่อน แล้ว แปลง เป็น โปโน
ด้วยหลักการนี้.]
อีกนัยหนึ่ง ปุโน
เป็นนิบาตศัพท์หนึ่ง อยู่ในกลุ่มนิบาตที่มีอรรถอปฐมัตถะ “ไม่ใช่ครั้งแรก”
“กระทำซ้ำอีก” คือ ปุน ปุโน ปุนปฺปุนํ
(ดูสัททนีติ สุตตมาลาด้วย) ดังนั้น ในอุทาหรณ์เหล่านี้จึงไม่ใช่การแปลง อ เป็น โอ
ตามหลักเกณฑ์นี้ เช่น
ปุโน ตสฺส
มเหสิโน.
ของพระมเหสีเจ้านั้น
(ผู้แสวงพระคุณยิ่งใหญ่ = พระพุทธเจ้า)
ปุโน ปตฺตํ
คเหตฺวาน,
รับบาตรอีก.
น จ ทานิ ปุโน
อตฺถิ,
มม ตุยฺหญฺจ สงฺคโม,
บัดนี้การคบกันระหว่างเรากับเจ้าจักไม่มีอีก.
น ปุโน
อมตาการํ,
ปสฺสิสฺสามิ มุขํ ตว
หม่อมฉันจะมิได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์ผู้มีอาการปานน้ำอมฤตอีก.
***************
[1] อัปปวิธาน
ตัวอย่างการใช้ที่มีน้อยแห่ง แต่ควรสังเกตและใส่ใจจำให้ดี
เพราะบ่งถึงความเป็นพหูสูตรของผู้ศึกษา
[2] แปลง ตฺวา ปัจจัยเป็น ยาน ด้วยสูตร ๗๖๒. ตุํยานาฯ ตฺวาสฺส ตุญฺจ ยานญฺจ โหนฺติ กฺวจิ สมาเส แปลง ตฺวา ปัจจัยเป็น ตุ และ
ยาน ในสมาส ในบางแห่ง
[3] ปุน ภวาย สํวตฺตตีติ โปโนพฺภวิโก, ปุนสฺส โอตฺตํ,
ภสฺส ทฺวิตฺตํ, โปโนพฺภวิกา, ตณฺหา (สูตร ๔๖๔. ตสฺส สํวตฺตติ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น