#นิรุตติทีปนีแปลเพื่อศึกษาร่วมกัน๒๕
อาเทสสนธิ พยัญชนาเทสสนธิ : เชื่อมบทโดยแปลงพยัญชนะเป็นอีกพยัญชนะหนึ่ง
“ก่อนจะไปต่อ”
ท่านทั้งหลายที่ติดตามอ่านแนวทางการทำสนธิ
(เชื่อมบท) ของคัมภีร์นิรุตติทีปนีนี้ จะพบว่า ท่านแสดงสนธิตามประเภทสนธิกิริโยปกรณ์
คือ
ทีฆสนธิ
รัสสสนธิ วิการสนธิ อาเทสสนธิ อาคมสนธิ ทวิภาวสนธิ (ซ้อนหรือสัญโญค) วิปัลลาสสนธิ
(สลับหน้าหลัง) แล้วจำแนกภายในสนธินั้นออกเป็น สรสนธิ พยัญชนสนธิ มิสสกาสนธิ
นิคคหีตาสนธิ ตามควร. การจัดกลุ่มเช่นนี้
ต่างไปจากแนวทางการจัดของกลุ่มไวยากรณ์สายกัจจายนะ และสัททนีติ ที่จัดเป็นสรสนธิ
พยัญชนสนธิและนิคคหิตสนธิ ก่อนแล้วแยกภายในสนธิดังกล่าวออกตามสนธิกิริโยปกรณ์.
การศึกษาวิธีการสำเร็จรูปคำศัพท์ตามหลักไวยากรณ์บาฬีจากคัมภีร์นี้ื
แม้มีหลักการที่ไม่ต่างไปจากคัมภีร์กลุ่มกัจจายนไวยากรณ์เท่าไรนัก
แต่มีส่วนหนึ่งที่ดำเนินวิธีการที่แตกต่างไป
บางรูุปแม้สำเร็จรูปเป็นอุทาหรณ์เดียวกัน แต่ขั้นตอนซับซ้อนมากกว่ากัจจายนไวยกรณ์
แต่บางรูปก็มีความกระชับกว่า นอกจากนี้ เนื่องจากบางรูปอุทาหรณ์ในพระบาฬีและอรรถกถา
ถูกนำมาแสดงไว้ในคัมภีร์นี้เพิ่มเติมมากกว่า ด้วยเหตุนี้
นิรุตติทีปนีที่อ้างอิงสูตรกำกับหลักการของคัมภีร์โมคคัลลานไวยากรณ์
จึงเป็นแนวทางที่น่าศึกษาเพื่อบรรเทาความสงสัยรูปอุทาหรณ์ในพระบาฬีได้อย่างดีเยี่ยม.
เมื่อได้แสดงการเข้าสนธิโดยอาเทสวิธี
ที่เป็นสราเทส คือ แปลง สระเป็นพยัญชนะ ด้วยสูตรต่างๆ
และที่ไม่มีสูตรกำกับโดยเฉพาะแล้ว
ต่อไปนี้เป็น พยัญชนาเทสะ คือ แปลง พยัญชนะเป็นพยัญชนะ
**********
การเชื่อมบทสองบทเข้าด้วยกัน
อาจทำได้หลายวิธี เช่น ลบ ทำเป็นเสียงยาว ทำเป็นเสียงสั้น กลายเสียงการงอกเสียง
การหดเสียง การใช้อักษรตัวอื่นแทน เป็นต้น
ไม่ว่าจะเป็นวิธีการที่เกิดขึ้นที่สระหรือพยัญชนะ ดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้น. คราวนี้
จะแสดงการใช้อักษรอื่นแทนพยัญชนะตัวที่ต้องการ
โดยจะเริ่มพยัญชนวรรค จนถึง พยัญชนอวรรคเป็นลำดับไป.
************
การใช้อักษรหนึ่งแทนอักษรอีกตัวหนึ่ง
ในวงการศึกษาบาฬีไวยากรณ์นิยมใช้คำว่า อาเทศ เป็นคำทับศัพท์บาฬี. คำว่า อาเทศ แปลว่า ตัวที่นำมาแสดงแทน และอาจใช้ในความหมายว่า
การแทน. ส่วนในภาษาไทยใช้คำว่า แปลง ซึ่งครอบคลุมความหมายทั้งสองนั้น. ในที่นี้จะใช้คำว่า แปลง เป็นหลัก.
แต่ในบางแห่งจะใช้คำว่า “ใช้ .. แทน ..” เช่น ใช้ ต แทน ส เป็นต้น ความหมายคือ
แปลง ส เป็น ต ดังนี้เป็นต้น.
ในการเชื่อมบทโดยแปลงพยัญชนะ
เรียกว่า พยัญชนาเทสสนธิ พอสรุปหลักการได้
๒ ประเด็นคือ
๑.
มี ย พยัญชนะ เป็นเงื่อนไข.
๒. ไม่ต้องมี
ย พยัญชนะ เป็นเงื่อนไข หมายถึง แปลงตัวพยัญชนะล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับ ย พยัญชนะเลย.
**************
๑.
แปลงพยัญชนะ โดยมี ย พยัญชนะ เป็นเงื่อนไข.
บรรดาหลักการ
๒ ประการนั้น จะศึกษาประเด็นที่ ๑ ก่อน.
การมี
ย พยัญชนะเป็นเงื่อนไข หมายถึง ยนั่นเองเป็นเงื่อนไข คือ
เป็นตัวกำหนดให้มีการแปลงทั้งพยัญชนะตัวอื่น รวมทั้งตัวเองด้วย. ดังนั้น ในประเด็นที่
๑ จึงถูกแยกย่อยออกไปเป็น ๒ ประเด็นอีก คือ
ก. แปลง
ย พยัญชนะเป็นพยัญชนะตัวหน้าของตน
ถ้ามีพยัญชนวรรคทั้งหมดและพยัญชนอวรรคบางตัวอยู่หน้า
ข. ย
พยัญชนะเป็นเหตุให้แปลงพยัญชนะตัวอื่น
คัมภีร์่นิรุตติทีปนีนำสูตรแสดงวิธีการจากคัมภีร์โมคคัลลานพยากรณ์
มาเรียบเรียงเป็นลำดับสูตรใหม่ เพื่อแสดงวิธีการทั้งสองที่เป็นไปในพยัญชนวรรคและพยัญชนอวรรค. ดังนั้น ในบทความนี้จะนำเสนอสาระโดยเริ่มที่พยัญชนวรรคมี
กวรรคเป็นต้น ไปจนถึง อวรรคพยัญชนะตามสมควรแก่วิธีการทั้งสอง.
*************
ขออนุโมทนา
สมภพ สงวนพานิช
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น